เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



พบ! ผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรพุ่ง ย้ำงดมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย


29 ต.ค. 2566, 12:25



พบ! ผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรพุ่ง ย้ำงดมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย




สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช เผยสถานการณ์ระบาดโรคฝีดาษวานรในประเทศไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แนะงดมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยหรืองดมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า 


นายแพทย์ไกรสร โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานรในประเทศไทย ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2566 มีรายงานผู้ป่วยรวม 535 ราย เป็นเพศชาย 517 ราย เพศหญิง 18 ราย ส่วนสถานการณ์ในเขตสุขภาพที่ 11 พบผู้ป่วยทั้งสิ้น จำนวน 27 ราย อยู่ในจังหวัดภูเก็ต 26 ราย และจังหวัดระนอง จำนวน 1 ราย เป็นเพศชาย 21 ราย และเพศหญิง 6 ราย 


 



เกือบ 100 % โรคฝีดาษวานรในประเทศไทย เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงการสัมผัสโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ก็ได้ เช่น การสัมผัสสารคัดหลั่ง ตุ่มหนองหรือบาดแผลของผู้ติดเชื้อ การใช้สิ่งของร่วมกัน รวมทั้งการติดต่อผ่านทางละอองทางเดินหายใจจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีระยะฟักตัวประมาณ 5 – 21 วัน โดยอาการเริ่มแรกจะมีไข้ ปวดศีรษะมาก ต่อมน้ำเหลืองโต ปวดหลัง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลียมาก จากนั้น 
(1-3 วันหลังมีไข้) จะมีผื่นขึ้นบริเวณ ใบหน้า กระจายไปตามแขน ขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เยื่อบุช่องปาก อวัยวะเพศและทวารหนัก 


ผื่นจะกลายเป็นตุ่มหนอง จากนั้นจะตกสะเก็ดและหลุดลอกออก ซึ่งผู้ป่วยจะยังสามารถแพร่เชื้อได้จนกว่าสะเก็ตจนหลุดลอกออกหมด ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 2 - 4 สัปดาห์ 

นายแพทย์ไกรสร กล่าวเพิ่ม โรคนี้สามารถป้องกันได้ โดยงดมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก ไม่สัมผัสแนบเนื้อกับผู้ที่มีผื่น ตุ่มหรือหนอง แนะนำให้ล้างมือบ่อยๆ และไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น สำหรับกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อฝีดาษวานร ที่ต้องระวัง ได้แก่ ผู้ติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ หญิงตั้งครรภ์/ ให้นมบุตร และเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หากสงสัยติดเชื้อฝีดาษวานร ให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษา สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ “สายด่วนกรมควบคุมโรค



คำที่เกี่ยวข้อง : #onbnews  




Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.