วันนี้ ( 17 ก.ย.67 ) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. ไม่ได้มีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการการเมืองทุกตำแหน่ง มีเพียงตำแหน่งเดียวของตนเอง คือ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ส่วนตำแหน่งอื่นๆ จะต้องรอการตรวจสอบคุณสมบัติอย่างเข้มข้นก่อน ซึ่งการแต่งตั้งตำแหน่งเดียว อาจเป็นเพราะตนเอง ผ่านการเป็นคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ และล่าสุดเป็นคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจ ถูกตรวจสอบประวัติมาแล้ว ในขณะที่ข้าราชการการเมืองแต่ละคนที่จะแต่งตั้ง มาจากนักธุรกิจ มีหุ้นในบริษัทเอกชน ที่มีส่วนทำงานกับรัฐ หรือคู่สัญญาต่างๆ จึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ คาดว่า วันอังคารหน้าจะทยอยเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ดังนั้นในช่วงสัปดาห์นี้ การแถลงข่าว จะใช้ตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ไปก่อน จนกว่าจะมีการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆทั้งหมดในการประชุม ครม. ครั้งต่อไป

ส่วนคณะกรรมการชุดต่างๆ ในสมัย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตรัฐมนตรี จำนวน 78 คณะ นายกรัฐมนตรี มีตำหนิให้ดำเนินการต่อไป และให้ทบทวนทุก 1-2 เดือน คณะกรรมการชุดไหนที่เป็นประโยชน์ก็จะให้การสนับสนุนเพิ่มเติม ส่วนคณะกรรมการชุดไหนที่ทับซ้อนกับส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นๆ ก็จะพิจารณาในโอกาสต่อไป

 ที่ประชุม ครม. มีมติให้คงการขยายการลดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ไว้ที่ร้อยละ 7 ตามมติเดิมไปก่อน เพื่อเป็นกลไกในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชน และภาคธุรกิจ

สำหรับข้อจำกัดเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นานจิรายุ ย้ำว่า นายกรัฐมนตรี ให้ส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เขตปกครองพิเศษพัทยา และ กรุงเทพฯ ไปอัพเดทข้อมูลของผู้ที่ได้รับเงินต่างๆ เช่น กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และให้ลดขั้นตอน เนื่องจากผู้พิการบางประเภทอาจพูดไม่ได้ เดินทางไม่สะดวก ก็ให้ผู้ดูแลตามกฎหมายสามารถรับเงินได้ พร้อมย้ำว่า ในการใช้จ่ายเงินโครงการนี้ไม่มีข้อจำกัด ประชาชนสามารถนำเงินในโครงการนี้ไปใช้จ่ายสิ่งใดก็ได้

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังขอความเห็นชอบการเสนอของบกลางต่างๆ อาทิ บัตร 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่อลดขั้นตอน เช่น เกิดการเจ็บป่วยนอกพื้นที่ จะสามารถใช้บริการได้หรือไม่ ซึ่งจะเป็นการลดขั้นตอนและข้อมูลที่ทับซ้อน

นายจิรายุ ยังเตือนประชาชนเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากประชาชนกำลังจะได้รับเงินสวัสดิการ 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะเริ่มจ่าย วันที่ 25 กันยายนนี้ ทำให้แก๊ง call center เริ่มโทรไปหาประชาชน โดยอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งนี้ย้ำว่า ประชาชนจะต้องลงทะเบียนด้วยตัวเอง ไม่มีหน่วยงานใดโทรศัพท์ติดต่อเพื่อลงทะเบียนให้ เพราะเป็นข้อมูลส่วนตัว