เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 23 มกราคม ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านค่าย จ.ระยอง รับแจ้งจากนายจีระเดช เบญจมาศ กรรมการวัดเจ็ดลูกเนิน ม.10 ต.ชากบก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ได้มีบุคคลแอบอ้างเป็นลูกศิษย์คนสนิทกับหลวงปู่เปลว โทรศัพท์มาหลอกกับหลวงปู่เปลวว่า อยากจะถวายทรัพย์สินที่เป็นของพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วมาถวายให้กับทางวัด แต่ติดที่ยังป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลชลบุรีจึงไม่สามารถ ขนมาถวายด้วยตนเองได้ จึงต้องว่าจ้างรถขนของพร้อมคนงานรวม 15 คน ช่วยขนของมาถวายให้ก่อน ซึ่งการขนย้ายต้องเสียค่าจ้างขนส่งเป็นเงินจำนวน 18,500 บาท โอนไปให้กับผู้ว่าจ้างขนส่งก่อน จึงขอความเมตตากับหลวงปู่เปลวช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าวนี้ก่อนและหลังโอนเงินเสร็จของที่จะถวายก็จะมาถึงวัดภายใน2 ชั่วโมง หลวงปู่จึงปรึกษากับกรรมการวัดท่านอื่นก่อนกรรมการวัดจะให้ตนไปโอนเงินให้กับชายที่แอบอ้าง แต่สุดท้ายเมื่อถึงเวลา2 ชั่วโมง กับไร้เงาของกลุ่มคนที่จะขนของมาถวาย จนรุ่งเช้าก็ไม่พบว่าจะมีใครมาถวายของ ตนจึงได้ไปตรวจสอบตามที่อยู่ของบุคคลที่ถูกกล่างอ้างจากกลุ่มโจรแสบ พบว่าเป็นร้านซ่อมแอร์รถยนต์และเป็นร้านประดับยนต์ ดังในระยอง แต่บุคคลที่โจรแสบกล่าวอ้างนั้นไม่มีชื่ออยู่ที่นี่และไม่มีใครรู้จักด้วย ทางกรรมการวัดจึงรู้ว่าถูกหลอกเข้าแล้ว วันนี้จึงให้มาแจ้งความดำเนินคดีกับมารศาสนาที่ก่อเหตุในครั้งนี้ 

 

 

นายจีระเดช ฯ ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม 63 ที่ผ่านมา มีบุคคลแอบอ้างเป็นลูกศิษย์ที่เข้ามากราบมนัสการกับหลวงปู่อยู่หลายครั้ง ได้โทรศัพท์มาพูดคุยกับหลวงปู่เปลว แจ้งว่าต้องการจะบริจาคของซึ่งเป็นของพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วอยู่ที่ เขตพระโขนง กทม. ให้กับวัดเจ็ดลูกเนิน ซึ่งมี เฟอนิเจอร์ โซฟาอย่างดี เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถตู้โฟร์ค สีดำ แต่ไม่สามารถมาด้วยตนเองได้เพราะเพิ่งผ่าตัดเสร็จ ยังอยู่ที่โรงพยาบาลชลบุรี  

 

 

โดยบุคคลดังกล่าวได้อ้างว่าตนเองเป็นเจ้าของร้าน ซ่อมแอร์รถยนต์ และร้านประดับยนต์ ชื่อดังในเมืองระยอง จึงได้จ้างวานรถบรรทุกและคนงาน15คน ช่วยขนย้าย แต่ให้หลวงปู่จ่ายเงินไปก่อน เพราะตนเองยังอยู่โรงพยาบาล หลังจากนั้น บุคคลดังกล่าวก็ให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของรถบรรทุก เจรจาให้โอนเงินค่าขนส่งไป ยัง ธนาคารออมสิน สาขาหนึ่งจำนวน 18,500 บาท 

 

 

 บุคคลที่แอบอ้างเป็นลูกศิษย์คนสนิท ที่มาในคราบมารศาสนา ยังกล่าวอีกว่าวันที่ 30 มกราคม 63 ตนเองจะนำคณะผ้าป่า30-40 คน มาที่วัดและตนเองจะนำเงินส่วนนี้คืนให้ และนำเงินผ้าป่ามาทอดถวาย หลังหลวงปู่วางสายโทรศัพท์กับโจรแสบมารศาสนา จึงโทรปรึกษากรรมการวัด และได้โอนเงินส่วนนี้ไป เพื่อที่จะได้ดำเนินการขนส่ง พร้อมกันนี้หลวงปู่ได้ให้โยมที่วัด จัดเตรียมอาหาร ประกอบด้วย ข้าวสวย แกงหมู ผัดผัก ต้มจืด ขนมหวานสาคูกะทิ ขนามเปียกปูน อย่างละ1หม้อ เพื่อเตรียมให้คนงาน15 คน ที่ขนของมาอาจจะหิวเพราะยังไม่ได้กินอะไร 

 

 

 หลังโอนเงินไป 2 ชม. ปรากฏว่า ไม่มีรถขนของและกลุ่มคนนำของมาถวาย โทรศัพท์ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่ง หลวงปู่ก็ยังให้คนของวัดไปรอรับช่วยขนของอยู่จนดึก และโทรศัพท์ติดต่อไปอีกเป็นระยะๆ ก็ไม่สามารถติดต่อได้จึงคิดว่าโดนมิจฉาชีพมารศาสนาหลอกแล้ว

 

 

นายจีระเดช ยังเล่าอีกว่า ได้สอบถามกับหลวงปู่ถึงสาเหตุที่หลวงปู่ให้โอนเงินไปก่อนนั้นหลวงปู่กล่าวว่า โจรแสบอ้างเป็นบุคคล ที่รู้จักและมากราบไหว้เราอยู่หลายครั้ง ส่วนเราก็แก่แล้ว หลงบ้างลืมบ้าง เราไม่คิดว่าจะมีคนใจร้ายแบบนี้ มาหลอกเอาเงินวัด ในวิธีแบบนี้ 

 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินไปมา
สอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้นายจีระเดช ฯ จึงนำเหตุการณ์นี้มาเตือนสมาชิกและวัดอื่นๆให้โปรดระวังภัยในลักษณะนี้ ผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมฝากถึงโจรแสบมารศาสนาผู้ก่อเหตุด้วยว่า ที่วัดเจ็ดลูกเนิน เป็นวัดที่เงียบสงบ มีสิ่งก่อสร้างเฉพาะที่จำเป็น เงินใน บัญชีของวัดยังมีไม่ถึง3 หมื่นบาท ส่วนรายได้ของทางวัดที่ได้จากการจัดงานบุญในครั้งหนึ่ง ก็จะนำเงินไปใช้หนี้ค่าสิ่งก่อสร้าง ค่าวัตถุมงคล ที่สำคัญหลวงปู่ยังส่งเสีย ให้ทุนการศึกษาเด็กกำพร้าจนเรียนจบมาตลอด หลวงปู่ท่านแก่มากแล้ว พวกคุณยังมาทำอย่างนี้อีก