เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



เปิดเหตุผล เจ้าของ "ปัญจดาราโคราช" สละโรงแรม เป็นโรงพยาบาล เพื่อผู้ป่วยโควิด-19 


21 มี.ค. 2563, 15:01



เปิดเหตุผล เจ้าของ "ปัญจดาราโคราช" สละโรงแรม เป็นโรงพยาบาล เพื่อผู้ป่วยโควิด-19 




 

จากกรณี นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ อดีต ส.ส.นครราชสีมา เจ้าของโรงแรมปัญจดารา อำเภอเมือง จ.นครราชสีมา ขอยกโรงแรมให้ภาครัฐปรับเป็นโรงพยาบาลสนามขนาด 500 เตียง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19โดยเฉพาะ ซึ่งนายสมชัยเปิดเผยว่า มีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขแจ้งว่า จะเข้ามาดูสถานที่เผื่อไว้ในกรณีต้องการใช้งาน พร้อมย้ำเพราะต้องการช่วยเหลือทางราชการ ไม่ได้คิดไกลถึงขนาดต้องมีคิดค่าเช่า แต่หากราชการไม่มีงบฯ พร้อมให้ใช้งานฟรี รวมถึงเชื่อว่าหากสร้างโรงพยาบาลสนามรองรับเฉพาะผู้ติดเชื้อได้เหมือนจีน อาจคุมสถานการณ์ได้เร็วขึ้น สำหรับโรงแรมปัญจดารา มีห้องประชุมใหญ่ 1 ห้อง จุคนได้ 300 คน ห้องประชุมเล็กอีก 4 ห้อง จุคนได้ห้องละ 150 คน และห้องพัก 79 ห้อง 


 



ทำไมผมจึงต้องเตรียมโรงแรม เพื่อช่วยเหลือทางราชการ?

1.ผมเชื่อว่าหมอและพยาบาลที่กำลังเหน็ดเหนื่อยอยู่ขณะนี้เหนื่อยทั้งกายและใจ และต้องการกำลังเสริม โดยเฉพาะกำลังใจ ดังนั้นการแสดงเจตนารมณ์ครั้งนี้ จึงเป็นการแสดงถึงความร่วมมือความห่วงใยของภาคเอกชนรวมทั้งประชาชน ทุกคนจะมีกำลังใจเพิ่มขึ้น

2.ผมเชื่อว่าโควิด-19 เป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ที่มีฤทธิ์เดชระดับหนึ่ง มาแล้วก็ผ่านไป หมอพยาบาลที่ปฏิบัติงานอยู่ ต่างรู้ดีว่า"ห้องแยก"ที่จะดูแลผู้ป่วยมีไม่เพียงพอ และปัญหานี้จะทำให้การตอบโต้โควิค-19 ด้อยประสิทธิภาพลง ในที่สุดปัญหาจะเพิ่มขึ้นรุนแรงขึ้น

3.ผมเชื่อว่าถ้าหากทางโรงพยาบาล ส่งบุคคลใดมา ที่โรงแรมเพื่อขอใช้ห้อง จะไม่มีทางส่งคนที่มีอาการหนักมารักษา เพราะที่โรงแรม ไม่มีหมอไม่มีพยาบาลไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ใดๆ แต่ผมเชื่อว่าห้องแยกคือห้องที่สำคัญที่สุดสำหรับการส่งบุคคลที่ รอฟังผลการตรวจพิสูจน์ว่าติดโควิค-19หรือไม่?

4.ผมเชื่อว่าหลังจากที่ใช้ห้องแล้ว ทางโรงพยาบาลสามารถทำความสะอาด ฆ่าเชื้อไวรัสเพื่อเตรียมรับคนใหม่เข้ามาใช้อีก และผมยังมั่นใจระบบสาธารณสุข มั่นใจบุคคลากรทางการแพทย์ว่า ห้องของโรงแรมคือ"ห้องแยกที่มีคุณค่า" สามารถช่วยตอบโต้ยับยั้งไวรัสนี้ได้ และโอกาสต่อไปเมื่อผ่านเหตุการณ์นี้ไปแล้ว ก็นำกลับมาใช้บริการลูกค้าได้

5.ผมตระหนักดีว่า ผมมีสังคมเรียงลำดับเป็นขั้นๆ คือสังคมครอบครัว สังคมเพื่อน สังคมธุรกิจ สังคมเมืองและประเทศชาติ ยามใดที่สังคมที่เราอาศัยอยู่มีปัญหา ผมและคนที่แวดล้อมผม ต้องแสดงออกถึงความรัก ที่ต้องมีต่อทุกสังคมและต้องเสียสละเพื่อสังคมนั้น ตลอดชีวิตผมไม่รู้จักคำว่า"เอาตัวรอด"รู้จักแต่คำว่า"เราต้องรอด" ผมเชื่ออย่างนี้จริงๆ และจะไม่โกรธใครเลยหากมีใครไม่คิดเช่นเดียวกับผม แต่ผมจะเพียงรู้สึกลึกๆว่า.. คนๆนั้นเขาไม่ใช่คนแวดล้อมผมและผมไม่ควรเสียเวลาไปสั่งสอนเขาหรือต้องอธิบายเหตุผลให้เขาฟัง ประสบการณ์ข้างหน้าของชีวิตของเขาจะสอนและบอกเขาเอง

 


 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.