วันที่ 1 เมษายน 2564  นายชำนาญวิทย์  เตรัตน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี  พร้อมด้วยชลประทานจังหวัด ประมงจังหวัด  เจ้าหน้าที่จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ลงพื้นที่สำรวจคลองชลประทาน  ที่จะใช้เป็นเส้นทางผันน้ำจากแม่น้ำน้อย ไปลงยังลำน้ำแม่ลาที่ในขณะนี้ได้ประสบกับภัยแล้ง  น้ำในลำน้ำเหลือน้อย  บางช่วงบางตอนก็แห้งขอด  ส่งผลให้ปลาในลำแม่ลา  ต้องไปรวมตัวกันอยู่ในแหล่งที่ลุ่มบริเวณหน้าวัดแหลมคา  และหน้าวัดสะเดากันจนหนาแน่น และปลาก็ทยอยตายเนื่องจากน้ำไม่เพียงพอ  

นายชำนาญวิทย์  เตรัตน์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี  กล่าวว่า แผนการผันน้ำเข้าลำแม่ลา  สำนักงานชลประทานจังหวัดสิงห์บุรี ได้ประสานไปยังเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เพื่อขอให้ปล่อยน้ำมาเพิ่มขึ้น จากนั้นก็จะใช้เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่  สูบน้ำจากแม่น้ำน้อยเข้าคลองชลประทาน  ผ่านอำเภอสรรค์บุรี  เข้าพื้นที่อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีไปลงยังลำแม่ลา  ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตรใช้งบประมาณจำนวน 1 แสน 7 หมื่นบาท  ซึ่งตามแผนเขื่อนเจ้าพระยาจะปล่อยน้ำมาให้เป็นเวลา 10 วัน  ซึ่งในการสูบน้ำเครื่องสูบน้ำสามารถสูบน้ำได้ปริมาณ 1 หมื่นคิวต่อวัน  ซึ่งคาดว่า ในระยะเวลา 10 วันก็จะมีน้ำมาลงในลำแม่ลาประมาณไม่น้อยกว่า 8 หมื่นคิว  ทั้งนี้ในระหว่างที่น้ำเดินทางมาก็อาจมีประชาชนแอบน้ำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำได้  โดยทางจังหวัดก็ได้ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านไปชี้แจงกับประชาชนแล้ว  ซึ่งหากยังพบมีการฝ่าฝืน น้ำเครื่องสูบน้ำมาสูบไปใช้ทำนาหรือทำการเกษตรก็จะทำการยึดเครื่องสูบน้ำทันที่  ทั้งนี้เนื่องจากการผันน้ำมาเข้าลำแม่ลาในครั้งนี้เป็นการขอน้ำมาเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ในลำแม่ลา  รักษาชีวิตปลา และพันธ์ปลาช่อนแม่ลาให้อยู่คู่กับจังหวัดสิงห์บุรีสืบไป