เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกิจกรรม "โครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี-สกิน" จ.สระบุรี


28 พ.ค. 2564, 17:13



รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานกิจกรรม "โครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี-สกิน" จ.สระบุรี




วันที่ 28 พ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้ลงพื้นเป็นประธานกิจกรรม "โครงการรณรงค์ป้องกันโรคลัมปี-สกิน" (Lumpy Skin Disease) ณ ฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูง องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี พร้อมมอบสิ่งของเวชภัณฑ์/ยาฆ่าแมลง พร้อมถังฉีดพ่นให้กับ สหกรณ์เขตภาคกลาง 15 แห่ง ที่ส่งน้ำนมให้ อ.ส.ค. เพื่อนำไปใช้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดโรค ลัมปี – สกิน ที่ส่งผลกระทบอยู่ในขณะนี้ จากนั้นพร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมฟาร์มเกษตรกร ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและส่งน้ำนมดิบให้ อสค. พร้อมได้ชมการฉีดพ่นยาฆ่าแมลง ณ ณัฎฐ์ฟาร์ม หมู่ที่ 2 ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี  

 

 

ด้าน นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์โรคระบาดการติดเชื้อไวรัส ลัมปี - สกิน (Lumpy skin disease) ที่ยังวิกฤติหนักในกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือทั่วประเทศ โดย  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อย่างมากและกำชับให้กระทรวงเกษตรฯ เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ตนในฐานะผู้กำกับดูแลองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) มีความห่วงใยต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบให้กับสหกรณ์ทั่วประเทศ  ซึ่งปัจจุบัน อ.ส.ค. มีสมาชิกส่งน้ำนมดิบให้กับ อ.ส.ค. ทั่วประเทศจำนวน 5,952 ราย มีจำนวนโค รวม 174,658 ตัว ส่งน้ำนมดิบให้ อ.ส.ค. ประมาณ 874 ตัน/วัน โดยพื้นที่ภาคกลางมีสหกรณ์โคนมที่ส่งน้ำนมดิบมากที่สุดคือจำนวน 15 สหกรณ์  มีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม 2,380 ราย และจำนวนโคนม 65,863 ตัว จึงได้สั่งการให้ อ.ส.ค. เฝ้าระวังโรคในพื้นที่พร้อมติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดและให้รายงานสถานการณ์มายังตนอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง   

ส่วนในปัจจุบันนั้น ได้มีประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศประมาณ 11,393 ครอบครัว จำนวนโคทั้งหมด 427,311 ตัว หากเราไม่เร่งสกัดการแพร่ระบาดในพื้นที่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม อาจส่งผลกระทบต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรและอุตสาหกรรมโคนมของประเทศในอนาคตได้ โดยฟาร์มโคนมประสิทธิภาพสูงของ อ.ส.ค. จะเป็นฟาร์มต้นแบบในการเลี้ยง การผลิตน้ำนมโคและการดูแลสุขภาพโคนม รวมทั้งการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในสัตว์ เพื่อเป็นแบบอย่างให้เกษตรกร หน่วยงานต่างๆ ได้เข้ามาศึกษา เรียนรู้การเลี้ยงโคนมมีประสิทธิภาพและนำไปสู่อาชีพอย่างยั่งยืนในอนาคต” รมช.มนัญญา 

ส่วนด้าน นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการ ทำการแทนผู้อำนวยการองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.)  กล่าวว่า ปัจจุบัน อ.ส.ค. มีสหกรณ์และศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบในเขตพื้นที่ส่งเสริมของ อ.ส.ค.ทุกภูมิภาคจำนวน 52 แห่ง ปริมาณน้ำนมดิบ แยกเป็นพื้นที่ภาคกลางจำนวน 15 สหกรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สหกรณ์ ภาคใต้ 8 สหกรณ์ ภาคเหนือตอนบน (เชียงใหม่) 3 สหกรณ์และภาคเหนือตอนล่าง (สุโขทัย) จำนวน 16 สหกรณ์ ซึ่งทั้งหมดจะส่งน้ำนมดิบสำหรับป้อนกำลังผลิตผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์ค เพื่อจำหน่ายในรูปแบบนมพาณิชย์และนมโรงเรียนประมาณวันละ 600-800 ตัน/วัน ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรค ลัมปี – สกิน ที่ส่งผลกระทบอยู่ในขณะนี้ ทำให้ อ.ส.ค. กำชับเจ้าหน้าที่กวดขันและเฝ้าระวังโรคอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่การเลี้ยงโคนมของ อ.ส.ค. อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่อเกษตรกรและอุตสาหกรรมนมของประเทศ รวมทั้งกระทบต่อธุรกิจอุตสาหกรรมโคนมของ อ.ส.ค. ในอนาคต

 









Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.