จากสารสกัดน้ำมันกัญชาที่องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ผลิตล็อตแรก 4,500 ขวด ได้นำมามอบให้กระทรวงสาธารณสุขเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น วันนี้ ( 14 ส.ค.62 ) กระทรวงสาธารณสุขได้มอบให้โรงพยาบาลทั้ง 12เขตสุขภาพ เขตฯ ละ 350 ขวด เตรียมเปิดบริการรักษาในโรงพยาบาล 19 แห่ง อย่างเป็นทางการในวันจันทร์หน้า ( 19 ส.ค.62 ) ดังนั้นเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการใช้กัญชาและสมุนไพรทางการแพทย์ได้อย่างปลอดภัย วันนี้จึงได้เชิญผู้บริหาร นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กว่า 200 คน เข้าร่วมประชุมปรึกษาหารือการขับเคลื่อนนโยบายทางการแพทย์ (Workshop) เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการ กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินงาน และกำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล เรื่อง กัญชาทางการแพทย์อย่างเป็นรูปธรรม 

        นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวย้ำว่า การเปิดให้บริการกัญชาที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็นจุดเริ่มต้นเสรีกัญชาทางการแพทย์ ผู้ที่จะไปใช้บริการควรเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์และใช้ภายใต้การควบคุม เพราะกัญชาที่ไม่ใช้เพื่อการแพทย์ยังถือเป็นสิ่งต้องห้าม “คือจริงๆ แล้วควรจะรับจากใบสั่งของแพทย์ คนปกติอย่าไปเอามันเลยครับ ไปฟังนู้นฟังนี่มาว่ามันดี อย่างนู้น อย่างนี้ ถ้าเราไม่มีอะไรก็อย่าไปเอาให้มันมีสารอะไรอย่างอื่นเข้ามาในร่างกายเลย ให้คนป่วยจริงๆ ดีกว่า วันนี้เดินไปไหนก็มีแต่บอกว่าเอากัญชามาๆ มีมั้ย รมว.พกมั้ย จะไปพกได้ไง พกก็เข้าคุกเดะ มันสำหรับทางการแพทย์ และอีกอย่างที่จะต้องเตือนเลยและสำคัญมาก บางทีเดี๋ยวนี้พกน้ำมันกัน จะใต้ดินบนดินไม่รู้หล่ะ เผลอๆ เอาไปใส่ในกระเป๋าซิป กระเป๋าทอยเลททรี่ แล้วก็เดินทางไปสิงคโปร์ ไปมาเลเซีย นี่ตัวใครตัวมันนะ ไม่ได้เลยนะ ต้องระวังมากเลยนะ กัญชายังไงถ้าเกิดไม่ใช่ในทางการแพทย์ก็ยังเป้นสิ่งต้องห้ามในการเดินทางไปต่างประเทศ”

  นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวย้ำด้วยว่า กัญชาเสรีขณะนี้คือเสรีทางการแพทย์เท่านั้น ก็หมายความว่าจากนี้ไปแพทย์สามารถสั่งให้ไปรักษาคนไข้ได้ อภ. และองค์การที่อยู่ในความควบคุมของกระทรวงสาธาณสุขสามารถผลิตได้ตามกฎระเบียบ ข้อกฎหมายที่มี กัญชาเสรีทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้การควบคุมไม่ได้หมายความว่าทุกคนสามารถหาซื้อกัญชาได้ทั่วไปตามร้านขายยา