อดีตผู้ใหญ่บ้านและ อบต.บ้านคา จังหวัดราชบุรี ยืนยัน "อดีตพระอาคม" มาขอบวชเป็นพระที่ "วัดป่าพระธาตุเขาน้อย" เมื่อปี 2548 จริง เผยเป็นพระนักเทศเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้าน แต่มีพฤติกรรมอวดอุตริวิชาเรียกเม็ดฝนเป็นพระธาตุและเปิดบัญชีเงินทำบุญเป็นของตัวเองและฟ้องร้องเจ้าอาวาสพร้อมกรรมการวัดจนถูกศาลตัดสินผิดเองจึงต้องออกจากวัดไปจำพรรษาที่อื่น

นายสมศักดิ์ เอี่ยวเหลาเต่า อายุ 60 ปี อดีตผู้ใหญ่และอดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านคา ได้เปิดเผยถึงความเป็นมาเมื่อครั้งที่อดีตพระอาจารย์คม หรือนายคม อายุ 39 ปีที่ร่วมกับนายวุฒิมา หรืออดีตพระหมอ อายุ 38 ปี และ น.ส.จุฑาทิพย์ อายุ 35 ปี น้องสาวของนายคม ยักยอกเงินวัดป่าธรรมคีรี อำเภอปากช่อง จังหวัดราชบุรีไปกว่า 180 ล้านบาท มาขอบวชที่วัดพระป่าพระธาตุเขาน้อย
 

โดยอดีตผู้ใหญ่และอดีตสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านคา ยืนยันว่าอดีตพระคม ได้มาขอบวชเป็นพระที่วัดป่าพระธาตุเขาน้อย จริง โดยย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2548 หรือ 18 ปีก่อนอดีตพระคมได้มาขอพระครูภาวนาสุทธิคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าพระธาตุเขาน้อยในสมัยนั้นเป็นพระลูกวัดท่านจึงทำการบวชให้ ซึ่งอดีตพระคม มีความรู้และเป็นพระนักเทศน์ที่มีความสามารถมาก จนชาวบ้านหลงใหลในฝีมือการเทศน์จนโดดเด่นกว่าเจ้าอาวาส จนชาวบ้านพากันลืมเจ้าอาวาสที่เคยเทศน์ให้ญาติโยมฟัง

อีกทั้งอดีตพระอาคม ยังมีการอวดอุตริวิชาสามารถเรียกน้ำฝนเป็นพระธาตุได้ เมื่อครั้งที่ทำพิธียกช่อฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานทอดผ้าป่าและไปเปิดบัญชีเป็นชื่อของอดีตพระอาคมเอง ซึ่งมีผู้ให้ความศรัทธาและหลงใหลกับพระอาคม ได้ร่วมกันทำบุญให้กับทางพระอาคม จนสามารถบูรณะสภานที่ภายในวัด พร้อมทั้งสร้างกุฏิของตนเองขึ้นมา 1 หลัง แต่เงินไม่ได้มอบให้กับทางวัดเลย จนทำให้กรรมการวัดพร้อมด้วยพระครูภาวนาสุทธิคุณ อดีตเจ้าอาวาสได้มีการทวงถามเงินทำบุญและเงินทำบุญทอดผ้าป่าต่างๆ แต่กลับถูกพระอาคมฟ้องร้องต่อศาลเพื่อดำเนินคดีกับทางกรรมการวัดและเจ้าอาวาสในคดีหมื่นประมาท แต่ศาลได้ตัดสินและมีคำพิพากษาให้ยกคำร้อง ฝ่ายพระอาคมเป็นฝ่ายแพ้ เนื่องจากศาลให้เหตุผลว่าเงินทำบุญให้วัดต้องเข้าบัญชีวัดไม่ใช่เข้าในนามบุคคล