สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ก.พ.66 ผู้เสียหายได้ร้องสื่อมวลชนขอความช่วยเหลือ หลังเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายศุภนรินทร์ ซึ่งขอมาอยู่อาศัยด้วยที่บ้าน พร้อมทำทีช่วยดูแลคุณแม่ของผู้เสียหาย ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง จนครอบครัวหลงเชื่อใจ ก่อนที่นายศุภนรินทร์ฯ ผู้ต้องหารายนี้จะเชิดเงินทองพร้อมทรัพย์สินมีค่าเป็นทองคำแท่งทองรูปพรรณและเครื่องเพชรหนีไป นอกจากนี้ยังยกเค้าที่บ้านญาติของผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก โดยได้ทรัพย์สินไปรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนสภ.เมืองพัทลุงไว้

 

หลังจากได้รับเรื่อง ติดตามสืบสวน พบว่า ผู้ต้องหาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มักจะย้ายที่อยู่ไปในพื้นที่หลายจังหวัด กระทั่งมาวางแผนและเข้าทำการจับกุมได้ที่ห้องพักดังกล่าว

จากการตรวจสอบภายในห้องพัก พบทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นของที่ถูกขโมยมาจากผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

สอบสวนผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยให้การรับว่าผู้ต้องหาได้ลักทรัพย์สินของผู้เสียหายมาจริง แต่ก่อเหตุในช่วงเวลากลางวัน โดยทรัพย์สินที่ได้นำไปขายในสื่อสังคมออนไลน์จนเกือบหมดแล้ว เหลือแค่บางชิ้นที่ตำรวจตรวจยึดได้ หลังจากก่อเหตุที่พัทลุงแล้ว ผู้ต้องหา ไดด้หลบหนีมากบดานที่กรุงเทพมหานคร, อุบลราชธานีและตรัง ก่อนจะหลบหนีมาอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ และกำลังเตรียมที่จะหลบหนีไปอยู่ที่อื่น แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เสียก่อน

จากการตรวจสอบประวัติคดีของผู้ต้องหาพบเคยก่อเหตุคดีลักทรัพย์และฉ้อโกง ในหลายท้องที่ หลายจังหวัด รวมทั้งสิ้น 8 คดี